Friday, September 15, 2006

ความในใจ

เมื่อแรกที่เพื่อน บ.ก. หนังสือรุ่นยื่นคำขาดให้เขียนความรู้สึกภายในใจต่อโรงเรียน "ศิริราช" ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทความรู้ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ให้เกิดความรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลส่วนตัวของผมที่ยังไง๊ ยังไงก็คิดไม่ออกเสียที่ว่ามีความรู้สึกดีๆ (แบบที่หลายคนต้องการ) อะไรบ้าง ครั้นพอจะข่มใจเขียนก็กลัวจะโกหกตัวเองชมสถาบันซะจนหวานเลี่ยน แล้วแอบมานั่งก่นด่าเงียบๆอยู่ในใจ

มันเป็นเรื่องธรรมดามิใช่หรือที่ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ไม่ดีเลิศเพอร์เฟคท์ร้อยเปอร์เซนต์ เพียงแต่ตัวเราเองนั่นแหละจะเลือกเสพความจริงข้อนี้ในด้านไหน เพราะต่างคนต่างจิตต่างใจ รักหรือเกลียดขึ้นอยู่กับประสบการณ์ดีหรือร้าย ที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิต ผมจึงเห็นสมควรด้วยประการทั้งปวงสกิ๊ปเรื่องความรู้สึกมาระลึกถึงอดีตกันดีกว่า

หากลองมองย้อนกลับไปสมัยพวกเราทั้งหลายยังเป็นเด็ก(ตั้งใจ)เรียน และไม่รู้เดียงสา มีสักกี่คนตบเท้าเข้ามาเรียนแพทย์ โดยรู้ว่าแพทย์นั้นแท้จริงแล้วมีชีวิตอย่างไร นอกเหนือจากรู้ว่าเป็นอาชีพที่สงวนไว้สำหรับคนเรียนเก่ง แล้วนิยามของคำว่าเก่งก็หนีไม่พ้น เก่งฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และอีกหลายวิชาที่เมื่อเอาคะแนนมารวมกันแล้วสูงพอสอบเข้าเรียนแพทย์ได้ บวกกับพลังขับเคลื่อนของบุคคลใกล้ชิด สังคมรอบข้าง คอยส่งเสริม ผลักดันให้เด็กเรียนเก่งอย่างพวกเรา เห็นดีเห็นงามแบบไร้ข้อโต้แย้งหรือแม้แต่จะคิด ว่ายังมีอาชีพไหนอีกหนอที่พอจะเลี้ยงตัวเองรอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่นอกจากอาชีพแพทย์!

ด้วยเหตุนี้เองเด็กเก่งระดับหัวกะทิของเมืองไทยถึงได้หลั่งไหลเข้ามาเรียนแพทย์ตามค่านิยมอันถูกกำหนดขึ้นมาอย่าฝังแน่น ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ เมื่อหลายคนเข้ามาเรียนเพราะความไม่รู้ พอเจออุปสรรคชิ้นใหญ่อย่างการเรียนที่หนัก การฟ้องร้องซึ่งมีมากขึ้นมากๆ เลยพาลหมดอารมณ์เรียนเอาเสียดื้อๆ ความรู้สึก กลางๆที่มีอยู่ จึงมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปในทางลบมากขึ้น ครั้นพอเรียนจบก็เลยหนีไม่พ้นการลาออก หรือเปลี่ยนสายอาชีพของแพทย์อย่างที่ไม่มียุคไหนเฟื่องฟูเท่ายุคนี้มาก่อน

ถึงแม้จะเพิ่มฐานการผลิตแพทย์ให้มากขึ้นก็ยังไม่พอต่อความต้องการ (เพราะผลผลิตที่ได้ก็คิดหนีออกนอกระบบอยู่เหมือนกัน) หากยังมองข้ามในจุดนี้ ถึงตอนนี้คงมีใครหลายๆคน(รวมทั้งตัวผม)อยากย้อนเวลากลับไปยังสมัยมัธยมเปรี้ยวอมหวาน แล้วลดความเก่งของตัวเองลงบ้าง เผื่อจะมีชีวิตแตกต่างจากที่เป็นอยู่เช่นทุกวันนี้

ทั้งหมดที่เขียนมาเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ได้หมายรวมว่านักศึกษาแพทย์ทั้งประเทศจะมีความคิดแบบผม และข้อเขียนที่หลุดลอดออกมาให้ทุกท่านได้อ่านจะไม่เกิดขึ้นเลยหากผมไม่ได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียน "ศิริราช" เพราะคุณูปการอย่างหนึ่งที่ผมได้รับนอกจากความรู้ทางการแพทย์คือการรู้จักมองชีวิตในอีกหลายๆด้าน นอกเหนือจากด้านที่ถูกกำหนดให้มองเห็นจนคุ้นตา และนำมาวิเคราะห์กลั่นกรองออกมาเป็นข้อคิดเตือนใจตัวเอง

แล้วสำหรับเพื่อนแพทย์ทุกคนล่ะ นอกจากวิชาความรู้ที่ได้ โรงเรียน"ศิริราช" ได้สอนอะไรแก่ตัวคุณบ้าง?

ไม่ต้องตอบออกมาให้ทุกคนรู้ก็ได้ แค่ตอบให้ตัวคุณเองได้ยินก็พอ

ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือรุ่น
ปรับปรุงใหม่ september 15,2006

No comments: